วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โรคภูมิแพ้ หอบหืดกับคนเมืองที่เป็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ


ปัจจุบันพบว่าปัจจัยที่สำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด และความรุนแรงของโรคภูมิแพ้ หอบหืดคือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง
  • เพราะคนในเมืองอาศัยอยู่บ้านมาก มักเป็นบ้านที่มีบริเวณน้อย แออัด เป็นห้องปิดและติดเครื่องปรับอากาศเป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้กันมากและภูมิแพ้มีอาการรุนแรงขึ้น ประกอบกับการทำงานที่หนักทำให้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายทำให้ร่างกายอ่อนแอ
  • เด็กทารกเกิดใหม่ได้กินนมแม่น้อยลง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีปัญหาเกิดโรคภูมิแพ้หอบหืดขึ้นได้มาก ทั้งขณะเป็นทารกหรืออาการอาจเริ่มแสดงเมื่อโตขึ้นแล้ว
  • อาหารจานด่วนกลายเป็นที่นิยมของคนในเมืองมาก ส่วนใหญ่แล้วทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้ามามาก เช่น สี สารกันบูดซึ่งจัดเป็นสารก่อภูมิแพ้ และทำให้หอบหืดกำเริบได้อย่างหนึ่ง
  • ด้วยบริเวณพื้นที่จำกัด และค่านิยมใหม่ๆ ทำให้การเลี้ยงสัตว์ในบ้านเริ่มทำกันมากขึ้น ซึ่งจัดเป็นแหล่งสะสมสารก่อภูมิแพ้ชั้นดี
  • การตกแต่งบ้าน ติดตั้งพรมและติดเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศถ่ายเทไม่ดี เชื้อไรฝุ่นเจริญได้ดี
  • มลภาวะจากอุตสาหกรรม และการจราจร
  • การสูบบุหรี่
วิธีป้องกันสารก่อภูมิแพ้ และหอบหืดในบ้าน
  • อากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ไม่เกิดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้ ควรเปิดหน้าต่างให้เกิดการถ่ายเทของอากาศบ้างเป็นบางเวลา โดยเฉพาะภายในห้องครัว ห้องน้ำ โดยเปิดหน้าต่างอย่างน้อยครั้งละ 1 ชั่วโมงเปิดวันละสองครั้งหากเป็นโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ควรปิดหน้าต่างและบริเวณบ้านให้มิดชิด โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีเกสรดอกไม้ฟุ้งกระจายมาก
  • ไม่ควรตากผ้าในห้องนอนและห้องนั่งแล่น
  • ถ้าห้องมีความชื้นมากให้เปิดให้อาการถ่ายเทให้มาก เพราะความชื้นเป็นต้นเหตุของเชื้อราและทำให้เชื้อราซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้อย่างมากชนิดหนึ่งเจริญเติบโต และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น