วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ตาเกิดโรคภูมิแพ้ได้ด้วย

โรคภูมิแพ้ที่ตาแบ่งได้ตามตำแหน่งที่เป็น เช่น เปลือกตา เยื่อตา กระจกตา หนังตาอักเสบ อาจเกิดจากยาหยอดตาหรือขี้ผึ้งป้ายตา เครื่องสำอาง และสารต่างๆที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยเกิดอาการทันทีภายในเวลาไม่กี่นาที หรือใช้เวลาระยะหนึ่ง 24-72 ชั่วโมง ก่อนมีอาการภูมิไวเกิน ซึ่งจะมีอาการคันตา ตาแดง ตาบวม บางครั้งอาจมีปฏิกิริยาแพ้ทั้งร่างกาย ในบางรายมีเปลือกตาแดงหนาแข็ง พุพอง ผลที่ตามมาคือ ผิวหนังคล้ำ แผลเป็น และเปลือกตาล่างแบะออก อาจมีขี้ตา ผิวกระจกตาหลุดลอก

ยาที่พบร่วมกับอาการเหล่านี้ ได้แก่ ยาขยายม่านตา ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส สารกันเสียที่ผสมอยู่ในยา การดูแลรักษาจำเป็นต้องหยุดยา ประคบเย็น หยอดยาแก้แพ้ ยาลดอักเสบ ในรายที่เป็นเรื้อรังมักพบในเด็ก มักเกิดจากตัวกระตุ้นที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนอากาศ และปัจจัยทางสภาพจิตใจ ผู้ใหญ่บางรายอาจมีรอยโรคบริเวณข้อพับ ในเด็กพบบริเวณใบหน้าและส่วนนอกของข้อพับ อาจมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เช่น หอบหืด แพ้อากาศ บริเวณหนังตาจะแห้งมีสะเก็ดเป็นแผ่น การดูแลรักษาอาจใช้โลชั่นช่วยให้ชุ่มชื้น ไม่ควรใช้ยาครีมหรือขี้ผึ้งกลุ่มสเตอรอยด์นานเพราะจะทำให้ผิวบาง จึงควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เยื่อตาอักเสบ

สารก่อภูมิแพ้ส่วนใหญ่อยู่ในอากาศเข้าสู่น้ำตาและเยื่อตา ต่อมามีหลอดเลือดขยายตัว ตาแดง เยื่อตาบวม เปลือกตาบวม คันตา และมีขี้ตาเหนียวปนเมือก มักมีประวัติภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ และหอบหืด การทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางผิวหนัง อาจช่วยบอกสาเหตุว่าแพ้อะไร การรักษาที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ กำจัดฝุ่นและไรฝุ่นในบ้าน โดยเฉพาะผ้าปูที่นอน ใส่แว่นตากันแดด กันลม กันฝุ่น ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด หากมีอาการคันตา ตาบวม เคืองตา การประคบเย็นจะช่วยลดอาการได้ ถ้ามีระคายเคือง ตาแห้ง ควรหยอดน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสียบ่อยๆ เพื่อเจือจางหรือล้างสารก่อภูมิแพ้ออกจากตา สำหรับในรายที่มีอาการคันตามาก ควรหยอดยาแก้แพ้ และ/หรือ ยากลุ่มลดอาการอักเสบ อย่างไรก็ตามควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูสภาพกระจกตาด้วย เนื่องจากในรายที่มีเยื่อตาอักเสบชนิดรุนแรงอาจมีแผลที่กระจกตาด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น